เฟรม (Frame) เป็นการแบ่งพื้นที่การแสดงผลบนเว็บบราวเซอร์ออกเป็นส่วนต่างๆ โดยที่แต่ละส่วนของเฟรมจะแสดงเว็บเพจได้เป็นอิสระต่อกัน และสามารถเลือกชมข้อมูลแต่ละส่วนได้โดยใช้ Scroll Bar ข้อดีของการใช้เฟรมเพื่อจัดหน้าเว็บ คือ สามารถแสดงเว็บเพจได้หลายหน้าในจอภาพเดียวกัน ดังนั้นนักพัฒนาเว็บจึงสามารถกำหนดพื้นที่สำหรับนำเสนอเนื้อหาตามที่ต้องการได้ ซึ่งในเว็บเพจ 1 หน้า ไม่ว่าจะแบ่งเฟรมออกเป็นกี่ส่วนก็ตาม เมื่อถูกบันทึกเป็นไฟล์เว็บเพจแล้ว จะเรียกรวมว่า “เฟรมเซ็ต (Frameset)”
หลักการออกแบบเว็บเพจด้วยเฟรมสำคัญที่ดังนี้
1.กำหนดทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน เนื่องจากเฟรมมีข้อจำกัดด้านการใช้งานหลายประการ เช่น การรองรับการแสดงผลในเว็บบราวเซอร์รุ่นเก่า ดังนั้นนักพัฒนาเว็บจึงควรสร้างเครื่องมือบนหน้าเว็บ เป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งานเทคโนโลยีรุ่นเก่าที่ไม่สนับสนุนเฟรม โดยสร้างหน้าเว็บที่ไม่มีการแบ่งเฟรมให้ผู้ใช้สามารถสลับการใช้งานได้
หมายเหตุ ปัจจุบันในโปรแกรมสร้างเว็บหลายชนิด เช่น Dreamweaver 8.0 ได้พัฒนาเมนูคำสั่ง “Edit NoFrames Comtent” เพื่อให้ผู้ออกแบบเว็บสร้างเว็บเพจในรูปแบบหน้าเว็บปกติที่ไม่มีการแบ่งเฟรมควบคู่ด้วยได้
2.การกำหนด URL ของเฟรม เว็บเพจที่ออกแบบด้วยเฟรม เป็นการรวมกลุ่มของเฟรมหรือ Frameset ในลักษณะซ้อนกันไว้ และแต่ละเฟรมต่างก็เป็นอิสระต่อกัน ดังนั้น URL ที่ปรากฏอยู่ในช่อง Address จึงไม่ใช่ URL ของทุกเว็บเพจที่อยู่ในแต่ละเฟรม
หมายเหตุ URL ที่ไม่ตรงกับเฟรมย่อยในเฟรมเซ็ต ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถสร้าง “บุ้คมาร์ค (Bookmark)” บนหน้าเว็บเพื่อมให้เว็บบราวเซอร์จดจำหน้าเว็บดังกล่าวไว้ เมื่อต้องการเข้ามายังหน้าเว็บนี้ในภายหลังได้ และไม่สามารถใช้ปุ่ม “Back Button” เพื่อย้อนกลับมาดูหน้าเว็บก่อนหน้าที่รับชมข้อมูลได้ด้วย
ตัวอย่างวิธีแก้ปัญหาการระบุ URL ของเว็บเพจข้างต้น สามารถทำได้โดยกำหนดค่าที่แอททริบิวต์ Target (ในขั้นตอนสร้างเว็บ) ให้มีค่าเป็น “_blank” เว็บบราวเซอร์ก็จะเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาทุกครั้งที่มีการคลอกเชื่อมโยง นั่นหมายความว่า URL ที่แสดงขึ้นมาก็จะเป็น URL ของเพจหน้านั้นจริง
3.การออกแบบหน้าเว็บเพื่อพิมพ์ข้อมูลบนกระดาษ ข้อมูลที่อยู่ในเฟรมย่อยทำให้ผู้ใช้สั่งพิมพ์ข้อมูลลงบนกระดาษได้ยาก ดังนั้นจึงควรมีการออกแบบหน้าเว็บเพื่อพิมพ์ลงบนกระดาษ ซึ่งทำได้โดยกำหนดสไตล์ชีทสำหรับจัดรูปแบบการนำเสนอที่แอททริบิวต์ “media” ในแท็ก <link> ให้มีค่าเป็น “print” และสามารถดูรูปแบบการแสดงผลดังกล่าวได้ที่ “มุมมองก่อนพิมพ์ (Print Preview)” ซึ่งควรกำหนดรูปแบบข้อมูลโดยให้ข้อมูลสามารถพิมพ์ลงกระดาษขนาดเท่ากับ A4 ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่ใช้งานกัน
“แสดงตัวอย่างรูปแบบการนำแสดงผลเว็บเพจเมื่อพิมพ์ลงบนกระดาษในเว็บ www.w3.org”
การตรวจสอบความละเอียดของจอภาพที่แสดงผล การอกแบบเฟรมนิยมใช้มาตรฐานความละเอียดของจอภาพที่ 800x600 พิกเซล กรณีที่มีการกำหนดขนาดของเฟรมไว้แน่นอน แล้วนำเว็บเพจดังกล่าวไปแสดงในอุปกรณ์ที่มีหน้าจอขนาดเล็กกว่า อาจทำให้ข้อมูลบางส่วนขาดหายไป ดังนั้นการออกแบบเว็บเพจโดยใช้เฟรม จึงไม่เหมาะสำหรับแสดงผลข้อมูลบนอุปกรณ์ที่มีจอภาพแสดงผลขนาดเล็ก และควรกำหนดหน่วยในการแบ่งพื้นที่ของเฟรมแบบแปรผัน (Variable) โดยใช้หน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ เพื่อลดปัญหาการเลื่อนตำแหน่งของเฟรมเมื่อขนาดหน้าต่างเว็บบราวเซอร์หรือขนาดตัวอักษรเปลี่ยนไป